หอยเต้าปูนมีการแพร่กระจายอย่างกว้างขวาง มากทั่วโลกประมาณ 500 ชนิด ส่วนใหญ่จะพบใน บริเวณเขตร้อน (Tropical Zone) เช่น หอยเต้าปูน ราชสำนัก (Court cone:Conus aulicus Linnaeus, 1758) พบบริเวณหมู่เกาะฮาวายถึงมหาสมุทรอินเดีย,หอยเต้าปูนลายแผนที่ (Geographer cone: Conus geographus Linnaeus, 1758) และหอยเต้าปูน ลายหินอ่อน (Marbled cone: Conus marmoreus Linnaeus, 1758) พบบริเวณหมู่เกาะฮาวายถึงแอฟริกา, หอยเต้าปูนลายผ้า (Textile cone: Conus textile Linnaeus, 1758) และหอยเต้าปูนทิวลิป (Tulip cone: Conus tulipa Linnaeus, 1758) พบบริเวณหมู่เกาะฮาวายถึงทะเลแดง,หอยเต้าปูนลาย (Striated cone: Conus striatus Linnaeus, 1758) พบบริเวณอินโดแปซิฟิก จนถึงออสเตรเลีย ในประเทศไทยนั้นก็มีหอยเต้าปูน เช่นกัน เช่น หอยเต้าปูนลายแผนที่พบทางฝั่งทะเล อันดามัน หอยเต้าปูนลายผ้าพบที่จังหวัดชลบุรี จันทบุรี และตราด หอยเต้าปูนจะมีการดำรงชีวิตโดยเป็นสัตว์ ที่ต้องกินสัตว์อื่นเป็นอาหาร (carnivorous) โดยทั่วไป จะพบคืบคลานอยู่ตามพื้นทรายในแนวปะการังหรือ พื้นที่ใกล้เคียง อาจพบอยู่ตามซอกหินปะการังก็ได้ ส่วนใหญ่มักจะชอบฝังตัวอยู่ใต้พื้นทรายในตอนกลางวัน และออกหากินในเวลากลางคืน แต่ในบางพื้นที่ก็ สามารถพบได้ในเวลากลางวันเช่น ในแนวปะการัง ของเกาะต่าง ๆ ในหมู่เกาะช้างจังหวัดตราด หอยเต้าปูน จะสามารถรับรู้ว่ามีเหยื่อได้จากการสัมผัสจากระบบ สัมผัสพิเศษ เรียกว่า chemoreceptor ซึ่งจะอยู่บริเวณ ท่อน้ำเข้า-ออก (siphon) เราอาจแยกประเภทหอยเต้าปูน ได้เป็นกลุ่มใหญ่ตามลักษณะการกินอาหารดังนี้
พวกที่กินปลาเป็นอาหาร (Piscivorous) หอยเต้าปูนที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้จะเป็นพวกที่อันตราย และมีพิษร้ายแรงที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อว่ายหนี ไปไกล พิษจะมีผลโดยตรงต่อระบบประสาทของสัตว์มี กระดูกสันหลัง (Vertebrate) เหยื่อของหอยเต้าปูน ชนิดนี้ได้แก่ ปลาบู่จิ๋ว, ปลานกแก้ว ฯลฯ พิษของหอย กลุ่มนี้สามารถทำอันตรายต่อคนจนถึงแก่ชีวิตได้ทีเดียว หอยเต้าปูนในกลุ่มนี้ได้แก่ หอยเต้าปูนลายแผนที่, นั่นเอง เมื่อยิงออกไปแล้วเข็มพิษอันใหม่ก็จะเคลื่อน เข้ามาแทนที่ แม้ว่าในระยะการยิงเข็มพิษจะไกลไม่เกิน หนึ่งฟุต แต่งวงของหอยเต้าปูนซึ่งยืดได้ไกลกว่า ความยาวของเปลือก 2-3 เท่า บวกกับความเร็วและ ความคมของเข็มพิษที่สามารถเจาะทะลุได้แม้กระทั่ง ชุดดำน้ำ ก็สามารถสยบเหยื่อได้โดยง่ายดังนั้นหอยเต้าปูนจึงอาจ ฝังตัวอยู่ใต้พื้นทรายแล้วโผล่งวงออกมา คอยดักยิง เหยื่อที่ผ่านมา เมื่อเหยื่อถูกเข็มพิษจะเป็นอัมพาต หอยเต้าปูนก็จะค่อย ๆ ใช้งวงดูดเข้าไปทั้งตัว แล้ว จึงย่อยกระบวนการนี้อาจใช้เวลานานเป็นวันเลยที เดียว ก่อนที่หอยจะพ่นก้างปลา ซึ่งย่อยไม่ได้ออกมา
อาการของพิษหอยเต้าปูน
พิษของหอยเต้าปูนนั้นมีหลายประเภทซึ่ง จะมีผลต่อร่างกายคนแตกต่างกันไป เช่น กลุ่ม Alpha- conotoxins จะมีผลเหมือนกับ Alpha neurotoxins จากพิษงู โดยจะไปเชื่อมและยับยั้งการทำงานของ acetylcholine receptor ในระบบประสาท พิษของหอย เต้าปูนลายแผนที่จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำงานของ muscle-type acetylcholine receptorทำให้การหายใจ ล้มเหลวถึงกับความตายได้ กลุ่ม Omega-conotoxins จะไปยับยั้งการทำงานของ voltage-gated calcium channels และการเหนี่ยวนำไฟฟ้าในระบบประสาท ของกล้ามเนื้อลาย พิษในกลุ่มนี้ เช่น omega-conotoxin MVIIA หรือรู้จักกันทั่วไปในชื่อ SNX-111จะมี ประโยชน์มากโดยสามารถให้ผลระงับความเจ็บปวด ได้ดีกว่ามอร์ฟีนถึง 1000 เท่า กลุ่ม Mu-conotoxins และ Delta-conotoxins จะไปยับยั้งการทำงานของ voltage-gated sodium channels ในกล้ามเนื้อต่าง ๆ ให้ผลเหมือน กับสาร saxitoxin และ tetrodotoxin กลุ่มKappa-conotoxins และconantokins จะไปยับยั้งการทำงานของ voltage-gated potassium channels นอกจากนี้ยังมี สารกลุ่ม ziconotide เป็นสารที่ไปยับยั้งการทำงานของ neuronal calcium canals ซึ่งใช้ในทางการแพทย์ ช่วยยับยั้งความเจ็บปวดได้ดี สาร sleeper peptide ที่ได้จากหอยเต้าปูนลายแผนที่ จะช่วยให้เกิดภาวะการ หลับลึกในสัตว์ทดลอง และพบภาวการณ์จับตัวเป็นลิ่ม ของโลหิตในกระแสเลือด (disseminated intravascular coagulation: DIC) ได้
สำหรับคนที่โดนหอยเต้าปูนทำร้ายนั้นจะมี อาการแตกต่างกันไปขึ้นกับว่าโดนหอยในกลุ่มใด ทำร้าย บางรายอาจถึงตายได้ถ้าโดนพิษของพวกที่ กินปลาเป็นอาหารทำร้าย อาการที่เห็นได้ชัดคือ มีอาการเจ็บปวด บวมมาก ตรงที่ถูกพิษจะเป็น สีน้ำเงินคล้ำ เป็นอัมพาต หมดความรู้สึก ชาบริเวณนั้น อาการชาจะค่อย ๆ กระจายไปตามส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้แก่ปาก ริมฝีปาก และ แขนขา คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ น้ำตาและ น้ำลายไหล เจ็บหน้าอก เสียงแห้ง มองภาพไม่ชัด กล้ามเนื้อต่าง ๆ ผิดปรกติ การหายใจขัด และตายภายใน 5 ชั่วไมง ส่วนใหญ่จะตายเพราะหัวใจล้มเหลว (cardiac failure) มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากหอยเต้าปูน ทั่วโลกแล้วกว่า 30 ราย จากหอยเต้าปูนลายแผนที่,หอยเต้าปูนลายผ้า และหอยเต้าปูนลายหินอ่อน ส่วนพวกที่มีอาการไม่ร้ายแรงอาจมีอาการเป็นผื่นบวมแดง เจ็บปวด มีอาการคล้ายถูกผื้งหรือแมลงป่องต่อย มี รายงานว่าพิษของหอยเต้าปูนนี้ทำให้เกิดเป็นอัมพาต ที่กล้ามเนื้อโดยไปรบกวนหรือยับยั้งกลไกการทำงาน ของใยกล้ามเนื้อ
การป้องกันและการรักษาเมื่อโดนหอยเต้าปูน ทำร้ายการักษาผู้ที่โดนหอยเต้าปูนทำร้ายนั้น สามารถ ทำได้แต่การปฐมพยาบาลในเบื้องต้นและรักษาตามอาการ เท่านั้น เพราะพิษของหอยเต้าปูนนั้นไม่มียารักษา เหมือนกับเซรุ่มแก้พิษงู การปฐมพยาบาลอาจทำได้โดย การใช้ผ้าก๊อดทำแผลวางปิดแผลที่ถูกเข็มพิษตำแล้ว มัดให้แน่นด้วยผ้าพันแผลกลม ทั้งนี้เพื่อให้กดท่อน้ำ เหลืองไว้ แต่ต้องคอยคลายผ้าออกบ้างเพื่อไม่ให้ กล้าม เนื้อตายเนื่องจากขาดเลือด การจุ่มแผลลงในน้ำอุ่น 43.3-45 องศาเซลเซียส อาจช่วยลดความเจ็บปวดได้บ้าง อย่า ผ่าหรือกรีดแผลเพื่อดูดเอาพิษออก รีบนำส่งโรง-พยาบาลทันที คนที่ถูกหอยเต้าปูนทำร้ายส่วนใหญ่ มักจะเป็นนักสะสมเปลือกหอยแต่ไม่รู้จักหอยเต้าปูน เมื่อเอามือไปจับเข้าหอยก็จะยื่นงวงออกมาทำร้ายเอาได้ การจับหอยที่ถูกควรจับหอยทางด้านป้านเพราะงวง จะยื่นออกมาจากด้านปลายแหลม ควรใส่ถุงมือก่อนจับ และอย่าเอาหอยใส่กระเป๋าเสื้อผ้า เพราะเข็มพิษสามารถ แทงทะลุผ้าได้
จากเรื่องราวของหอยเต้าปูนที่ได้เรียบเรียงมา น่าจะทำให้เรา สำนึกได้ว่าแม้ว่าในโลกสีครามอันสวย งามน่าพิศมัยนั้น ก็อาจจะมีอันตรายซ่อนเร้นอยู่ได้ ซึ่ง ความลับอันน่าพิศวงนี้ ย่อมทำให้เกิดความน่าศึกษา อยากรู้อยากเห็นในสิ่งต่าง ๆ ในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ มากยิ่งขึ้น การที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ได้ทรงมีพระราชดำริให้มีการศึกษา เรื่องราวต่าง ๆ ในท้องทะเลไทยนั้น นับได้ว่าทรงมี พระปรีชายิ่งในการ ที่ทรงแลเห็นถึงความสำคัญของ ท้องทะเลของไทย ถึงแม้ว่าผลการศึกษาในบางเรื่อง จะเปรียบ เสมือนกับการปิดทองหลังพระ แต่ก็นับว่าเป็น องค์ความรู้ที่สำคัญยิ่งต่อประชาชน และลูกหลานไทย ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ที่มา: จากยอดเขาถึงใต้ทะเล 2 สรรพสิ่งล้วนพันเกี่ยว..สู่..ประโยชน์แก้แก่มหาชน, โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเน่องมาจากพระราชดำริฯ ,ตุลาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น